8 เคล็ดลับดูแลยางรถยนต์ช่วยประหยัดน้ำมัน ทนทานเกินคุ้ม ลดอัตราการเสี่ยงอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น

24/08/2015 11:34
         
ปัจจุบันรถยนต์ ตลอดจนยางรถยนต์ ถูกพัฒนาให้มีความสามารถในการประหยัดน้ำมัน มากขึ้น หลายค่ายผู้ผลิตชูเทคโนโลยีชั้นเยี่ยมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันเลยก็คือ พฤติกรรมการขับขี่ ไม่ว่าเราจะขับรถรุ่นไหน ยี่ห้ออะไร ก็สามารถช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้ เพียงรู้เท่าทัน
 
วันนี้มีข้อมูลจากผู้ผลิตยางรถยนต์มีเทคนิคดีๆ 8 ข้อมาฝากกับคุณๆ ช่วยลดความสิ้นเปลืองจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และยังช่วยคุณพอกพูนเงินในกระเป๋า แค่เพียงเริ่มไปปรับใช้วันนี้ เรื่องดีๆ อาจเกิดขึ้น โดยไม่รู้ตัว
 
ขับรถให้ช้าลง: ระดับความเร็วที่เหมาะสมและช่วยประหยัดน้ำมันได้มากที่สุดอยู่ที่ระหว่าง 50 – 70 กม./ชม. เคล็ดลับที่ง่ายที่สุดในการประหยัดน้ำมันสามารถเริ่มที่การขับขี่ของคุณเองก็คือ ลดความเร็วและขับขี่ตามอัตราความเร็วที่กำหนดไว้บนถนน
 
หลีกเลี่ยงการขับรถแบบกระโชกโฮกฮาก (aggressive driving): การค่อยๆ เร่งเครื่องและเปลี่ยนเกียร์อย่างช้าๆ จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 20% ทั้งยังช่วยลดการสึกหรอของยางอีกด้วย สำหรับการเดินทางไกล การใช้ระบบ cruise control เพื่อคงระดับความเร็วให้คงที่เป็นอีกหนทางหนึ่งที่ช่วยคุณประหยัดน้ำมันได้เป็นอย่างดี
 
อย่าใช้รถยนต์เป็นห้องเก็บของ: รถยนต์ที่บรรทุกน้ำหนักเพิ่มขึ้นทุกๆ 50 กิโลกรัม
จะกินน้ำมันเพิ่มขึ้นถึง 1-2% อย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้นควรย้ายสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกจากรถเพื่อลดปริมาณการเผาผลาญเชื้อเพลิง และลดการสึกหรอของยาง  โดยไม่จำเป็น
 
หมั่นตรวจเช็คลมยางเป็นประจำทุกเดือน: ลมยางที่ไม่มากไป ไม่น้อยไปจะช่วยให้การใช้น้ำมันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลมยางอ่อนทำให้มีการสึกหรอของดอกยางบริเวณขอบด้านนอก (หรือไหล่ยาง) เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความร้อนอันเป็นสาเหตุให้ความทนทานของยางลดลง และยังทำให้รถมีการกระจายน้ำหนักไม่สมดุล ส่งผลให้อายุการใช้งานของยางลดลง
 
ปรับถ่วงล้อยางให้สมดุลตลอดเวลา: ควรปรับสมดุลของยางอย่างน้อยปีละครั้ง หรือทันทีที่มีอาการสั่นของล้อหรือพวงมาลัย ยางที่ไม่ได้ปรับถ่วงสมดุลจะทำให้รถสั่นขณะวิ่งบนท้องถนน และผู้ขับขี่จะเกิดความเมื่อยล้าในการบังคับรถ และทำให้ยางสึกกร่อนก่อนเวลา
อันควร
 
การปรับถ่วงสมดุลให้แก่ยางและรถจะทำให้ยางสามารถใช้งานได้นานขึ้น มีประสิทธิภาพดีขึ้น และให้ความสะดวกสบายเพิ่มขึ้นอีกด้วย
 
หมั่นตรวจสอบยางอยู่เสมอ: เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเศษหินหรือสิ่งแหลมคมติดอยู่ ที่อาจเป็นสาเหตุของรูรั่ว ถึงแม้รูบนหน้ายางจะไม่ลึกพอที่จะทำให้ยางแบนทันที แต่อาจทำให้ยางมีรอยแตกหรือเป็นร่องบุ๋ม ส่งผลให้ยางไร้ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 
 
ซ่อมแซมยางทันที:  ควรรู้ว่า เมื่อไรที่ควรจะซ่อมและเปลี่ยนยาง หากพบว่ายางแบน ไม่มีลม ให้ถอดยางออกจากล้อเพื่อนำไปตรวจเช็คความเสียหาย ยางที่แบนแม้จะวิ่งในระยะทางสั้นๆ ก็อาจได้รับความเสียหาย เสียรูปร่างจนไม่สามารถนำมาซ่อมแซมได้ และอาจทำให้ค่าใช้จ่ายบานปลาย นอกจากนี้ การซ่อมยางควรอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
 
ซื้อยางคุณภาพดี: การซื้อยางที่มีความทนทาน คุณภาพดี และมีแรงต้านทานการหมุนของยางรถยนต์ต่ำ จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ในระยะยาว รวมถึงควรเลือกยางที่เหมาะกับสภาพการใช้งานของคุณ เพื่อความคุ้มค่ามากที่สุด
 
ติดตามเกร็ดความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ดีๆแบบนี้ได้ที่ www.q4car.com และ www.tqm.co.th  หรือ
 
 
กันได้ตลอดครั้งหน้าจะเป็นเรื่องอะไรสามารถรอชมกันได้เลยครับ