จัดกลุ่มรถยนต์ตามความเสี่ยง กำหนดเบี้ย ประกันภัยรถยนต์​ ได้เหมาะสม

  โครงการศึกษาข้อมูลทางเทคนิค รถยนต์ เกี่ยวกับความเสี่ยงในการรับ ประกันภัยรถยนต์ กำหนดหลักเกณฑ์อันดับความเสี่ยงในการรับ ประกันภัยรถยนต์

     สมาคมประกันวินาศภัยไทย จับมือบริษัท ทัทชาม จัดกลุ่ม รถยนต์ ตามความเสี่ยง เพื่อให้บริษัท ประกันภัย มีข้อมูลทางเทคนิค ด้านความเสี่ยงจากการโจรกรรม และความเสี่ยงจากขนาดของความเสียหายต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง สามารถกำหนดค่าเบี้ย ประกันภัยรถยนต์ ได้เหมาะสมยิ่งขึ้น
     ประธานคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ สมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้จัดทำโครงการศึกษา และเผยแพร่ข้อมูลทางเทคนิคของ รถยนต์ ที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงในการรับ ประกันภัยรถยนต์ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ ที่ใช้ในการจัดอันดับความเสี่ยงในการรับ ประกันภัยรถยนต์ ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย และได้ว่าจ้างบริษัท ทัทชาม (ประเทศไทย) ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยียานยนต์ ให้ทำการศึกษา และเผยแพร่ข้อมูลทางเทคนิคของรถยนต์ ที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงในการรับ ประกันภัยรถยนต์ โดยทำการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
     ซึ่งสมาคมได้ทำการจัดกลุ่ม รถยนต์ ในตลาดทั้งหมด ทุกยี่ห้อ ทุกรุ่น ให้เข้าตามปัจจัยความเสี่ยงในกลุ่ม รถยนต์ ที่กำหนดไว้จำนวน 20 กลุ่ม และได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องทุกๆ เดือน และบริษัท ทัทชาม (ประเทศไทย) เป็นสาขาของบริษัททัทชาม ประเทศอังกฤษ ซึ่งมีการดำเนินโครงการจัดกลุ่ม รถยนต์ ตามความเสี่ยงมากว่า 40 ปี โดยใช้ความเชี่ยวชาญ ด้านวิศวกรรม รถยนต์ มากำหนดปัจจัยต่างๆ เพื่อทำการประเมิน รถยนต์ รุ่นต่างๆ ที่มีการจัดจำหน่ายอยู่ในประเทศไทย ซึ่งประกอบไปด้วย ราคาชิ้นส่วนอะไหล่ที่เสียหาย จากการทดสอบการชนที่ความเร็ว 15 กม./ชม. ระยะเวลาที่ใช้ในการซ่อม ความยากง่ายในการซ่อม มูลค่า รถยนต์ ใหม่ สมรรถนะ และสถานที่ผลิต เป็นต้น
     "ประโยชน์ของการจัดกลุ่ม รถยนต์ ตามความเสี่ยงต่อผู้บริโภค จะทำให้ผู้บริโภคได้ตระหนักถึงความเสี่ยงที่ถูกต้องของ รถยนต์ แต่ละยี่ห้อ จะทำให้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง ในการเลือกซื้อ รถยนต์ ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า ในระดับราคาที่ใกล้เคียงกัน และที่สำคัญจะทำให้บริษัทผู้ผลิต รถยนต์ กลับมาใส่ใจในการออกแบบ และผลิต รถยนต์ ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น"
      โดยทัทชามได้ประเมินระบบป้องกันการโจรกรรม และได้นำผลลัพธ์มาคำนวณการจัดกลุ่ม รถยนต์ ตามความเสี่ยง ซึ่งในปัจจุบันนี้ น้ำหนักคะแนนของแต่ละปัจจัย ได้รับการยอมรับจาก สำนักคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย หรือ คปภ.ว่าสะท้อนถึงความเสี่ยง ที่จะสามารถนำมากำหนดเป็นพิกัดมาตรฐานได้จริง
     ซึ่งในขั้นตอนต่อไป จะเป็นการเปลี่ยนการจัดกลุ่มพิกัดเบี้ย ประกันภัยรถยนต์ ซึ่งมีอยู่ 5 กลุ่มในปัจจุบัน ให้เป็น 20 กลุ่ม ตามที่ทางทัทชามได้จัดทำขึ้น ซึ่งการเสนอเรื่องดังกล่าว อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาจาก คปภ. และคาดว่าจะสามารถผ่านการพิจารณาได้ในสิ้นปีนี้
     อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์ราคาชิ้นส่วนอะไหล่ ในเชิงเปรียบเทียบ รถยนต์ ที่มีจำหน่ายในประเทศไทยนั้น แม้ว่าจะมีราคาใกล้เคียงกัน แต่ราคาอะไหล่ในบางครั้งมีความแตกต่างกันมาก ทั้งนี้สถานที่ผลิตก็มีส่วนสำคัญ ในการกำหนดราคาอะไหล่ของผู้ผลิต การที่ รถยนต์ ผลิตในประเทศไทย ไม่ได้หมายความว่าชิ้นส่วนอะไหล่จะมีราคาถูก